สำหรับใครอยากใช้วิธีการตกแต่งบ้านด้วยผ้าม่านล่ะก็ ก่อนอื่นเลยเราจะต้องมาทำความเข้าใจกับวิธีการเลือก ผ้าม่าน กันก่อน เพื่อให้มีความเหมาะสมและเข้ากับตัวบ้านของเราได้มากที่สุด แน่นอนว่ากว่าจะเลือกได้ต้องใช้เวลาและใช้เหตุผลหลายๆ อย่าง เอาล่ะเรามาดูกันดีกว่าว่าการเลือกผ้าม่านต้องเลือกอย่างไร ใช้ปัจจัยอะไรในการคัดเลือกกันบ้าง ตามมาอ่านรายละเอียดไปพร้อมกันเลย
1. เลือกตามความนิยม
ในสมัยก่อนมักนิยมเลือกใช้ ผ้าม่าน สีเข้มๆ สดๆ อย่างพวกสีแดง, สีส้ม, สีเขียว, สีน้ำเงิน เพราะสามารถกันแดดกันแสงสะท้อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังไม่เก่าหรือซีดเร็วสามารถใช้งานได้คุ้มค่าและยาวนานอีกด้วย เชื่อว่าถ้ายิ่งผ้ามีสีเข้มมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ผ้าแลดูเก่าช้าลงไปเท่านั้น โดยผ้าสีเข้มจะซีดน้อยกว่าผ้าสีอ่อนๆ พร้อมกับเนื้อผ้าจะต้องหนาๆ จะได้มีความทนทานพร้อมกับอายุการใช้งานยาวนาน จะได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
2. เลือกตามสี
เรื่องของสีสันก็มีอิทธิพลส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก ดังนั้นการเลือกสีของ ผ้าม่าน ในปัจจุบันจึงแตกต่างกับสมัยก่อนมาก เพราะให้ความรู้สึกที่ดีมีความลงตัวสวยงามมากขึ้น ทั้งยังสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นด้วย โดยสีที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ สีเอิร์ธโทน สีแนวผสม เช่น เทาน้ำตาล, สีเทาอมฟ้า, น้ำตาลอมม่วง ส่วนโทนสีที่รู้สึกอบอุ่นได้แก่ สีโทนน้ำตาลอ่อนและเข้ม และโทนสีใกล้ที่เคียงเช่น สีครีม, สีเบจ, สีเทา ซึ่งจะให้ความรู้สึก อบอุ่นนุ่มนวล สบายๆ ทำให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้น
3. เลือกตามเนื้อผ้า
สมัยก่อนชอบใช้ ผ้าม่าน แบบแข็งๆ หนาๆ เพราะให้ความทนทานแข็งแรง แต่เดี๋ยวนี้ผ้าหนาๆ แข็งๆ นั้นไม่เป็นที่นิยมใช้การทำผ้าม่านแล้ว เพราะส่วนมากจะให้ความสำคัญกันที่ความสวยงามพลิ้วไหวและความอ่อนช้อยของเนื้อผ้ามากกว่า ปัจจุบันจึงนิยมใช้ผ้าที่เน้นการทิ้งตัวมองดูพลิ้วๆ ไหวๆ และไม่นิยมนำมารีดจับจีบให้เป็นสันคมๆ แล้ว แต่จะนิยมปล่อยผ้าให้เป็นลอนโค้งๆ สลับกันไปมา เน้นแลดูทิ้งตัวเป็นธรรมชาติมากขึ้น
4. เลือกจากราคา
สำหรับราคาผ้าสมัยนี้นั้นมีราคาถูกกว่าสมัยก่อนมากๆ เพราะปัจจุบันการทำ ผ้าม่าน หนึ่งหลังนั้นใช้งบไม่เท่าสมัย 10 ปีที่แล้ว แต่กลับได้ผ้าตามที่ต้องการและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมมากกว่า เช่นผ้าหน้ากว้างที่ใช้การตัดเย็บไม่ต้องต่อผ้าเลย แถมยังเป็นผ้ากันแสงแบบ Black out, Dim out แบบนิ่มๆ พลิ้วๆ ทิ้งตัวดี โดยที่ผ้าไม่หนาเหมือนเมื่อก่อน มีคุณสมบัติที่ดีกว่าทั้งยังดูแลรักษาง่ายกว่าด้วย
5. เลือกสีให้เข้ากับสิ่งรอบข้าง
การเลือกผ้าม่านตามความเหมาะสม ซึ่งเราสามารถเลือกสีและรูปแบบของ ผ้าม่าน ให้เข้ากับโทนสีของบ้านบ้านหรือสภาพแวดล้อม รวมถึงภาพรวมที่เราต้องการตกแต่งให้ดูเหมาะสมกลมกลืนเข้ากัน โดยดูภาพรวมของบ้านว่ามีโทนสีไปในทิศทางไหน รูปแบบการตกแต่งและสีเฟอร์นิเจอร์ไปกันได้ไหม เพื่อความโดดเด่นและดูลงตัวสวยงาม
6. เลือกให้เข้ากับห้อง
เลือก ผ้าม่าน ตามรูปแบบของบ้าน เช่น ไม่ใช้ม่านพับกับบ้านสไตล์โรมันเพราะไม่เข้ากัน แต่อาจเสริมเติมแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เข้าไปให้ผ้าม่านมีความสวยงามโดดเด่นขึ้น และมีความเหมาะสมกับรูปแบบของตัวบ้านมากยิ่งขึ้น เช่น ม่านพับเราสามารถเพิ่มการตกแต่งชายครุย หรือตกแต่งอย่างอื่นในสไตล์หลุยส์เข้าไปได้ เพื่อตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศของบ้านมากขึ้น สิ่งที่สำคัญก็คือการเลือกใช้เฉดสีให้เหมาะสมและตรงตามความต้องการ ซึ่งต้องเข้ากันได้กับรายละเอียดอื่นๆ โดยรวม ก็จะทำให้ได้บรรยากาศที่ดีลงตัวมากขึ้น
และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการเลือก ผ้าม่าน ให้เข้ากับบ้านแบบง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เพราะอย่างที่บอกไปว่าการเลือกผ้าม่านนั้นไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ค่านิยมตามยุคสมัย ความพึงพอใจของบุคคล ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่ต้องระวังมีเพียงเรื่องเดียวก็คือเรื่องของการใช้สี เพราะสีจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนเราได้ ดังนั้นหวังว่าวิธีการเลือกผ้าม่านเหล่านี้จะเป็นความรู้และคำแนะนำในเบื้องต้นในการเลือกผ้าม่านได้อย่างเหมาะสม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
รูปภาพประกอบ : wazzadu.com
รูปภาพประกอบ : estopolis.com
รูปภาพประกอบ : shortrecap.co